ระบบหน้าจอTouch Screen บนเครื่องคอมพิวเตอร์นั้นมีมาช้านานแล้วตั้งแต่ปี 1960
ซึ่งระบบหน้าจอสัมผัสจริงๆแล้วนั้นแพร่หลายอยู่บนเครื่องอุปกรณ์พกพาในรูปแบบต่างๆ
เช่นพวกเครื่องเก็บเงินตามโต๊ะแคชเชียร์ หรืออุปกรณ์เช็คสต๊อคสินค้าต่างๆ
เพราะด้วยความสะดวกที่มีมากกว่าจะต้องใช้ Keyboard หรือ Mouse
เพราะหน้าจอระบบสัมผัสส่วนมากจะสามารถใช้นิ้วแตะเพื่อป้อนคำสั่งได้
จนในที่สุดระบบหน้าจอสัมผัสมันเลยกลายเป็นเอกลักษณ์อันโดเด่นสำหรับอุปกรณ์พกพา
ในรูปแบบ PDA ตั้งแต่สมัยเริ่มแรกที่ PDA เกิดขึ้นบนโลก ไม่ว่าจะเป็นเครื่อง Newton
ของ Apple หรือแม้แต่ Palm สุดยอด PDA ยอดนิยมเมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว
ระบบหน้าจอTouch Screen ก่อนหน้านี้ไม่ค่อยมีใครให้ความสนใจเกี่ยวกับระบบหน้าจอสัมผัส
ของเครื่อง PDA Phone กันสักเท่าไร เพราะรู้กันว่า PDA Phone ในโลกแทบทุกเครื่อง
เป็นระบบหน้าจอสัมผัสกันหมด และก็จะมีแท่งปากกา ที่เรียกว่า Stylus
เอาไว้จิ้มใช้สั่งงาน แต่ความสับสนเกี่ยวกับหน้าจอมันเกิดขึ้นมาจาก iPhone ตัวเดียวจริงๆ
ที่ปลุกกระแสหน้าจอแบบ Capacitive ให้เกิดขึ้นมา เพราะแรกๆเมื่อสัมผัส iPhone
จะรู้สึกทันทีว่ามันแตะได้หนึบติดนิ้วดีมาก แต่พอเอา Stylus ของเครื่อง PDA phone ทั่วไป
มาจิ้มกลับไม่สามารถสั่งงานได้ เลยเป็นคำถามคาใจว่าหน้าจอระบบทัชสกรีน
ซึ่งปกติเอา Stylus จิ้มได้นั้น ปัจจุบันมันมีกี่แบบกันแน่
ในความเป็นจริงแล้วหน้าจอTouch Screen นั้นมันมีหลากหลายรูปแบบมาก
แต่ที่นิยมใช้ในเครื่อง PDA Phone ยุคนี้ก็จะมีอยู่สองแบบคือ
แบบ Resistive กับ Capacitive และด้วยเรื่องรูปแบบของระบบสัมผัสหน้าจอนี้แหละ
มันเลยกลายเป็นจุดขายอย่างหนึ่งของเครื่องยุคปี 2009 เพราะเนื่องจากระบบ Touch interface มันเกิดได้รับความนิยมสูงสุดแบบไม่เคยมีมาก่อน
มันเลยทำให้คนให้ความสำคัญการทำงานด้วยนิ้วเป็นหลัก
แต่เครื่อง PDA Phone ในตลาดส่วนมากจะเป็นหน้าจอแบบ Resistive
เลยทำให้การสัมผัสสั่งงานด้วยนิ้วมันทำงานได้ไม่ค่อยดีเท่าไร
มันตอบสนองสู้ iPhone ไม่ได้ ก็เพราะว่าหน้าจอ iPhone มันเป็นหน้าจอTouch Screen
แบบ Capacitive นั่นเอง ซึ่งตอบสนองการสั่งงานด้วยนิ้วได้ดีกว่า
แต่ข้อเสียก็คือไม่สามารถใช้ Stylus หรือวัสดุอื่นๆจิ้มได้
มาดูความแตกต่างระหว่างหน้าจอTouch Screen
แบบResistive กับ Capacitiveว่าเป็นอย่างไร
หน้าจอTouch Screenแบบ Resistive
เทคโนโลยี Resistive ถือว่าเป็นแบบที่ประหยัดและเหมาะกับการใช้งาน
ประเภทต่างๆได้กว้างขวาง เช่น ร้านอาหาร ร้านค้าที่ใช้เครื่อง POS
งานควบคุมทางด้านอุตสาหกรรม รวมทั้งใช้ในอุปกรณ์พกพาอย่าง PDA, Mobile เป็นต้น
จอTouch Screen แบบ Resistive จะประกอบด้วย เลเยอร์ด้านบน
ที่ยืดหยุ่นและเลเยอร์ด้านล่างที่อยู่บนพื้นแข็งคั่นระหว่าง 2 เลเยอร์ด้วยเม็ดฉนวน
ซึ่งทำหน้าที่แยกไม่ให้ด้านในของ 2เลเยอร์สัมผัสกันเพราะด้านในของ 2 เลเยอร์นี้
จะเคลือบด้วยสารตัวนำไฟฟ้าที่มีคุณสมบัติโปร่งแสง
ในเวลาสัมผัสจะมีการปล่อยกระแสที่เลเยอร์สารตัวนำ และเมื่อคุณกดที่
Touch Screen จะทำให้วงจร 2 เลเยอร์ต่อถึงกัน จากนั้นวงจรควบคุม
ก็จะคำนวณค่ากระแสไฟฟ้า ซึ่งจะแตกต่างไปตามตำแหน่งที่สัมผัส
เมื่อคำนาณค่ากระแสตามแนวตั้งและแนวนอนก็จะได้ตำแหน่งที่สัมผัสบนหน้าจอ
จอTouch Screen แบบResistive
ราคาไม่แพง
ใชอะไรสัมผัสก็ได้
หาตำแหน่งที่สัมผัสได้ละเอียด
กินไฟน้อย
หน้าจอTouch Screenแบบ Capacitive
เทคโนโลยี Capacitive มีคุณสมบัติที่โดดเด่นทั้งความทนทาน
ความโปร่งแสงมักเป็นที่นิยมใน Application ประเภท เกมส์ Entertrainment
ATM, Kiosk อุปกรณ์ทางอุตสาหกรรม และ POS โครงสร้างของ
TouchScreen แบบ Capacitive นั้นประกอบด้วยแผ่นแก้วเคลือบผิว
ด้วยอ็อกไซด์ของโลหะแบบโปร่งแสง เมื่อถึงเวลาการใช้งาน
ก็จะมีการป้อนแรงดันไฟฟ้าที่มุมทั้งสี่ของ Touch Screen
เพื่อสร้างสนามแม่เหล็กไฟฟ้า ความเข้มสม่ำเสมอตลอดทั่วทั้งแผ่น
ผู้ใช้จะต้องใช้นิ้วมือเปล่าๆสัมผัสที่จอเพื่อดึงกระแสจากแต่ละมุมที่ให้แรงดันตกลง
จากนั้นแผงวงจรควบคุมก็จะคำนวณเป็นตำ้เหน่งที่สัมผัสได้
มีความคมชัด
แสงจากหน้าจอสามารถผ่านออกมาได้ ภาพจึงชัด
หาตำแหน่งที่สัมผัสได้ละเอียด สามารถสัมผัสด้วยนิ้ว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น